การเข้าใจ Sell On Fact มีประโยชน์ต่อนักลงลงทุนอย่างไร?

คงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถแยกออกว่า การปรับลงของตลาดครั้งไหนเกิดจาก อารมณ์ชั่วคราวของนักเก็งกำไร และครั้งไหนเกิดจาก ปัจจัยเชิงโครงสร้างระยะยาว เพราะสิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่า ควรกลัวหรือควรใช้เป็นโอกาส
หนึ่งในสัญญาณทางจิตวิทยาที่ช่วยสังเกตได้คือปรากฏการณ์ Sell On Fact พฤติกรรมที่นักลงทุน “ซื้อเมื่อคาดหวังข่าวดี และขายเมื่อข่าวดีเกิดขึ้นจริง” ทำให้ราคามักจะปรับขึ้นล่วงหน้า แล้วลงทันทีที่เหตุการณ์เกิด แม้ผลลัพธ์จะออกมาดีตามคาดก็ตาม
นี่คือพฤติกรรมซ้ำ ๆ ในตลาดการเงิน สะท้อนว่านักลงทุนจำนวนมากตัดสินใจด้วยอารมณ์และความคาดหวัง มากกว่าข้อเท็จจริงพื้นฐาน และถ้าเราเข้าใจสิ่งนี้ เราอาจเห็นโอกาสที่คนส่วนใหญ่พลาดไป
ตัวอย่าง Sell On Fact ของ Bitcoin ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
1. BlackRock และ Spot Bitcoin ETF – ราคาขึ้นรออนุมัติ (2023–2024)
หลังเหตุการณ์ FTX ถล่มปลายปี 2022 ตลาดคริปโตเข้าสู่ ตลาดหมี ความเชื่อมั่นนักลงทุนหายไปเกือบหมด แต่ในปี 2023 Bitcoin เริ่มกลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่อ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก แสดงความสนใจและยื่นขออนุมัติ Spot Bitcoin ETF
ข่าวนี้สร้างความหวังครั้งใหญ่ให้ตลาด เพราะหาก BlackRock นำเงินเพียงบางส่วนจากสินทรัพย์กว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์มาลงทุนใน Bitcoin ราคามีโอกาสพุ่งขึ้นมหาศาล ระหว่างรอการอนุมัติ ราคาจึงค่อย ๆ ฟื้นตัวจากระดับต่ำของตลาดหมี และไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันประกาศผล
เมื่อ ETF ได้รับการอนุมัติจริง จากที่ราคาบิทคอยน์อยู่ราว 47,000 ดอลลาร์ แทนที่จะพุ่งต่อกลับร่วงลงเกือบ 20% เหลือ 39,000 ดอลลาร์ ภายในระยะเวลา 13 วัน ก่อนจะค่อยๆฟื้นตัวและทำสถิติเงินไหลเข้า ETF ใหม่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ จน Bitcoin พุ่งทะลุ All Time High ไปแตะที่ 73,000 ดอลลาร์ นี่คือตัวอย่างคลาสสิกของ Sell On Fact รายย่อยขายทำกำไรสวนทางกับการเข้าซื้อของสถาบัน
2. Bitcoin Halving – ข่าวดีที่ทุกคนรอ (เมษายน 2024)
เหตุการณ์ Halving เมษายน 2024 ทำให้รางวัลการขุด Bitcoin ลดลงครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้เหรียญใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยลง และช่วยเพิ่มความหายากของบิทคอยน์
ก่อน Halving ราคาค่อย ๆ ไต่ขึ้นต่อเนื่องจากความคาดหวัง และแรงเข้าซื้อจากสถาบัน แต่หลัง Halving เกิด Sell On Fact อีกครั้ง ราคาก็ย่อตัวและออกข้างถึง 6 เดือน จนสวิงไปแตะราว 50,000 ดอลลาร์ แม้สถาบันกำลังเข้าซื้อต่อเนื่อง และ ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังดีอยู่ก็ตาม
3. นโยบายส่งเสริมคริปโตของทรัมป์ – คริปโตถูกกฎหมาย (2025–2026)
ปลายปี 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศนโยบายสนับสนุนคริปโตอย่างเต็มตัว และตั้งเป้าให้อเมริกาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ Bitcoin พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ถึง 100,000 ดอลลาร์
แต่หลังวันสาบานตนในเดือนมกราคม 2025 ราคากลับร่วงลงกว่า 25% เหลือ 75,000 ดอลลาร์ ในระยะเวลา 77วัน (มีปัจจัยเสริมเรื่องภาษีนำเข้าด้วย) ก่อนจะค่อยๆฟื้นตัวมายืนที่แถวๆ 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง
จนกระทั่งข่าวดีจากการที่ทรัมป์เป็นประธานาธิปดีก็เริ่มดำเนินการ เมื่อกฎหมายคริปโต GENIUS Act กำลังจะได้รับการอนุมัติ Bitcoin ก็วิ่งขึ้นทะลุ All Time High จนแตะ 120,000 ดอลลาร์ ก่อนเริ่มพักตัวอีกครั้งหลังจากข่าวดีกฎหมายคริปโตฉบับแรกในประวัติศาสตร์อย่าง GENIUS Act อนุมัติผ่านไป
บทสรุป ทำไมเข้าใจ Sell On Fact ถึงสำคัญ
จากในรอบ 3ปีที่ผ่านมา Sell On Fact ค่อนข้างแม่นยำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอนาคตพลาดไม่ได้ ดังนั้นจึงควรหาปัจจัยอื่นดูประกอบด้วย มันแค่ช่วยให้เรา มองออกว่าแรงขายที่เกิดขึ้นมาจากอารมณ์ตลาดที่ส่งผลต่อราคาในระยะสั้น หรือพื้นฐานที่เปลี่ยนไปที่ส่งผลต่อราคาในระยะยาว ทำให้เรารับมือได้ดีขึ้น ไม่ตื่นขายตามฝูงชน และบางครั้งยังใช้จังหวะนั้นเป็นโอกาสสะสมได้
ท้ายที่สุด สไตล์การลงทุนของแต่ละคนแตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือ การมีสติ ไม่ปล่อยให้อารมณ์ชั่วคราวครอบงำ และการศึกษาประวัติศาสตร์ตลาดช่วยให้เราเห็นว่า หลายครั้ง เหตุการณ์ที่คล้ายกันมักให้ผลลัพธ์ซ้ำรอย แม้อาจไม่ถูกต้องทุกครั้ง แต่การเข้าใจ,ไม่ประมาท และ ไม่ไหลไปตามอารมณ์ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของนักลงทุน
10 ม.ค 2567 spot Btc etf อนุมัติ
20 เม.ย 2024 Btc halving
20 ม.ค 2025 ทรัมป์สาบานตน
18 ก.ค 2025 ทรัมป์ลงนาม GENIUS act