M2 คืออะไร ทำไมต้องรู้?

2025-09-23

ทุกคนคงเคยได้ยินมาบ่อยแล้วว่า M2 คืออะไร วันนี้ผมจะพามาดูสถิติ ปริมาณ M2 ที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปี ว่าส่งผลต่อราคาอาหารอย่างไร แล้วรายได้งานประจำเพิ่มขึ้นตามมั้ย แบบง่ายๆไม่ซับซ้อน

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักค่านี้กันก่อน M2 คือ ตัวชี้วัด “ปริมาณเงิน” ในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้ง เงินสด, เงินฝากกระแสรายวัน ( M1 ใช้จ่ายได้ทันที), เงินฝากออมทรัพย์, เงินฝากประจำขนาดเล็ก, กองทุนตลาดเงิน (Money Market Funds)

พูดง่าย ๆ คือ เงินที่บุคคลและธุรกิจสามารถนำมาใช้จ่ายหรือลงทุนได้ค่อนข้างเร็ว

M2 มีผลต่อประชาชนอย่างไร?

  • ถ้า M2 เพิ่มขึ้น จะมีเงินในระบบมากขึ้น ธนาคารปล่อยกู้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ คนกู้ซื้อบ้าน รถ หรือทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น เศรษฐกิจคึกคัก แต่ในระยะยาวเสี่ยงเงินเฟ้อ (ของแพงขึ้น)

  • ถ้า M2 ลดลง เงินหมุนเวียนน้อยลง กู้ยาก ดอกเบี้ยสูง คนใช้จ่ายน้อย ธุรกิจซบเซา ของอาจไม่ขึ้นราคา แต่เศรษฐกิจอาจถดถอย คนเก็บเงินมากขึ้นซื้อของน้อยลง

สรุปคือ M2 มีผลโดยตรงต่อ ค่าครองชีพ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และโอกาสในการกู้เงิน ที่ประชาชนต้องเจอในชีวิตประจำวัน

ทำไมต้องรู้

ยกตัวอย่าง

สมมุติคุณทำงานหาเงิน และได้รับสื่อกลางการแลกเปลี่ยนมาในมูลค่า 10$ ใน จากปริมาณเงินในประเทศ 20$ล้านๆ คุณมีอำนาจการใช้สอยเทียบกับปริมาณเงินในประเทศเป็น 1/20ล้านๆ

อยู่มาวันหนึ่งผ่านไป 5 ปี เงินในระบบถูกพิมพ์เพิ่ม จาก 20ล้านๆ เป็น 30ล้านๆ หมายความว่า มูลค่าเงินคุณเทียบกับทั้งประเทศเป็น 1/30ล้านๆ มูลค่าเงินคุณลดลงทั้งๆที่อยู่เฉยๆ คนในวงการ หุ้น คริปโต มักเรียกเหตุการณ์นี้ว่าว่า ถูก Dilute หรือ Devalue 

ถ้าหากประสิทธิภาพการผลิตตามไม่ทันปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาข้าวของจะแพงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เงินที่ถือมีมูลค่าลดลง ตามหลักของ Demand, Supply

สถิติปริมาณเงิน M2 ในรอบ 10 ปีเทียบกับเงินเดือน ปริญญาตรีจบใหม่ และ ราคาอาหาร 



สถิติ ปี เทียบกับ ปริมาณเงินในระบบอเมริกา USM2 หน่วยดอลลาร์ และ ไทย THM2 หน่วยบาท (อ้างอิงจาก TradingView) 

  • ปี 2555  /   $9.43ล้านๆ    /   ฿12.02 ล้านๆ

  • ปี 2556  /   $10.21ล้านๆ  /   ฿13.79 ล้านๆ

  • ปี 2557  /   $11.04ล้านๆ  /   ฿14.78 ล้านๆ

  • ปี 2558  /   $11.54ล้านๆ  /   ฿15.11 ล้านๆ

  • ปี 2559  /   $12.32ล้านๆ  /   ฿15.71 ล้านๆ

  • ปี 2560  /   $13.43ล้านๆ  /   ฿16.17 ล้านๆ

  • ปี 2561  /   $13.77ล้านๆ  /   ฿16.72 ล้านๆ

  • ปี 2562  /   $14.21ล้านๆ  /   ฿17.45 ล้านๆ

  • ปี 2563  /   $15.77ล้านๆ  /   ฿18.33 ล้านๆ

  • ปี 2564  /   $15.77ล้านๆ  /   ฿20.41 ล้านๆ

  • ปี 2565  /   $21.77ล้านๆ  /   ฿ 21.66 ล้านๆ

ในรอบ 10ปี จำนวนเงินในระบบอเมริกาเพิ่มขึ้นประมาณ 130% เฉลี่ย 8.7% ต่อปี  ไทยเพิ่มขึ้น ประมาณ 80% เฉลี่ย 6% ต่อปี(อเมริกามีระบบเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทุกการเคลื่อนไหวส่งผลต่อทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงเอามาเทียบด้วย)

สถิติ ปี เทียบกับ เงินเดือนปริญญาตรีจบใหม่ เทียบกับราคาอาหารตามสั่งในไทย  (อ้างอิงจาก THE STATES TIMES)

  • ปี 2555  /  ฿13,000   /   ฿25-30 

  • ปี 2556  /  ฿14,000   /   ฿25-30 

  • ปี 2557  /  ฿14,000   /   ฿25-30 

  • ปี 2558  /  ฿15,000   /   ฿25-30 

  • ปี 2559  /  ฿15,000   /   ฿30-40 

  • ปี 2560  /  ฿15,000   /   ฿30-40 

  • ปี 2561  /  ฿15,000   /   ฿40-50 

  • ปี 2562  /  ฿15,000   /   ฿40-50 

  • ปี 2563  /  ฿ 5,000    /   ฿40-50

  • ปี 2564  /  ฿15,000   /   ฿40-50 

  • ปี 2565  /  ฿15,000   /   ฿50-60 

 ในรอบ 10ปี เงินเดือนเพิ่มขึ้น 15.38% เฉลี่ย 1.44% ต่อปี ในขณะที่ราคาอาหารตามสั่งเพิ่มขึ้น 100% เฉลี่ย 7.18% ต่อปี



สรุป

เพราะฉะนั้นการดู M2 จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะ ปลายทางของเงินที่ถูกพิมพ์ จะไหลไปที่ธุรกิจที่ผู้บริโภคใช้จ่าย จากนั้นก็จะไหลไปที่พนักงาน และ เจ้าของ ผู้ถือหุ้น และส่วนหนึ่งจะถูกไปบริโภคซ้ำอีกรอบ อีกส่วน อาจลงทุนขยายกิจการต่อ หรือ หาที่เก็บเพื่อรักษามูลค่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมค่าของเงิน

ผลที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้คนที่ถือเงินสดมีมูลค่าทางเศรษฐกิจลดลง นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามการลงทุนโดยขาดความรู้นั้นเสี่ยงยิ่งกว่า โปรดศึกษาแหล่งเก็บเงินที่เหมาะสมของตน และ บริหารความเสี่ยงให้ดี