M2 คืออะไร ทำไมต้องรู้?

ทุกคนคงเคยได้ยินมาบ่อยแล้วว่า M2 คืออะไร วันนี้ผมจะพามาดูสถิติ ปริมาณ M2 ที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปี ว่าส่งผลต่อราคาอาหารอย่างไร แล้วรายได้งานประจำเพิ่มขึ้นตามมั้ย แบบง่ายๆไม่ซับซ้อน
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักค่านี้กันก่อน M2 คือ ตัวชี้วัด “ปริมาณเงิน” ในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้ง เงินสด, เงินฝากกระแสรายวัน ( M1 ใช้จ่ายได้ทันที), เงินฝากออมทรัพย์, เงินฝากประจำขนาดเล็ก, กองทุนตลาดเงิน (Money Market Funds)
พูดง่าย ๆ คือ เงินที่บุคคลและธุรกิจสามารถนำมาใช้จ่ายหรือลงทุนได้ค่อนข้างเร็ว
M2 มีผลต่อประชาชนอย่างไร?
ถ้า M2 เพิ่มขึ้น จะมีเงินในระบบมากขึ้น ธนาคารปล่อยกู้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ คนกู้ซื้อบ้าน รถ หรือทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น เศรษฐกิจคึกคัก แต่ในระยะยาวเสี่ยงเงินเฟ้อ (ของแพงขึ้น)
ถ้า M2 ลดลง เงินหมุนเวียนน้อยลง กู้ยาก ดอกเบี้ยสูง คนใช้จ่ายน้อย ธุรกิจซบเซา ของอาจไม่ขึ้นราคา แต่เศรษฐกิจอาจถดถอย คนเก็บเงินมากขึ้นซื้อของน้อยลง
สรุปคือ M2 มีผลโดยตรงต่อ ค่าครองชีพ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และโอกาสในการกู้เงิน ที่ประชาชนต้องเจอในชีวิตประจำวัน
ทำไมต้องรู้
ยกตัวอย่าง
สมมุติคุณทำงานหาเงิน และได้รับสื่อกลางการแลกเปลี่ยนมาในมูลค่า 10$ ใน จากปริมาณเงินในประเทศ 20$ล้านๆ คุณมีอำนาจการใช้สอยเทียบกับปริมาณเงินในประเทศเป็น 1/20ล้านๆ
อยู่มาวันหนึ่งผ่านไป 5 ปี เงินในระบบถูกพิมพ์เพิ่ม จาก 20ล้านๆ เป็น 30ล้านๆ หมายความว่า มูลค่าเงินคุณเทียบกับทั้งประเทศเป็น 1/30ล้านๆ มูลค่าเงินคุณลดลงทั้งๆที่อยู่เฉยๆ คนในวงการ หุ้น คริปโต มักเรียกเหตุการณ์นี้ว่าว่า ถูก Dilute หรือ Devalue
ถ้าหากประสิทธิภาพการผลิตตามไม่ทันปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาข้าวของจะแพงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เงินที่ถือมีมูลค่าลดลง ตามหลักของ Demand, Supply
สถิติปริมาณเงิน M2 ในรอบ 10 ปีเทียบกับเงินเดือน ปริญญาตรีจบใหม่ และ ราคาอาหาร
สถิติ ปี เทียบกับ ปริมาณเงินในระบบอเมริกา USM2 หน่วยดอลลาร์ และ ไทย THM2 หน่วยบาท (อ้างอิงจาก TradingView)
ปี 2555 / $9.43ล้านๆ / ฿12.02 ล้านๆ
ปี 2556 / $10.21ล้านๆ / ฿13.79 ล้านๆ
ปี 2557 / $11.04ล้านๆ / ฿14.78 ล้านๆ
ปี 2558 / $11.54ล้านๆ / ฿15.11 ล้านๆ
ปี 2559 / $12.32ล้านๆ / ฿15.71 ล้านๆ
ปี 2560 / $13.43ล้านๆ / ฿16.17 ล้านๆ
ปี 2561 / $13.77ล้านๆ / ฿16.72 ล้านๆ
ปี 2562 / $14.21ล้านๆ / ฿17.45 ล้านๆ
ปี 2563 / $15.77ล้านๆ / ฿18.33 ล้านๆ
ปี 2564 / $15.77ล้านๆ / ฿20.41 ล้านๆ
ปี 2565 / $21.77ล้านๆ / ฿ 21.66 ล้านๆ
ในรอบ 10ปี จำนวนเงินในระบบอเมริกาเพิ่มขึ้นประมาณ 130% เฉลี่ย 8.7% ต่อปี ไทยเพิ่มขึ้น ประมาณ 80% เฉลี่ย 6% ต่อปี(อเมริกามีระบบเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทุกการเคลื่อนไหวส่งผลต่อทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงเอามาเทียบด้วย)
สถิติ ปี เทียบกับ เงินเดือนปริญญาตรีจบใหม่ เทียบกับราคาอาหารตามสั่งในไทย (อ้างอิงจาก THE STATES TIMES)
ปี 2555 / ฿13,000 / ฿25-30
ปี 2556 / ฿14,000 / ฿25-30
ปี 2557 / ฿14,000 / ฿25-30
ปี 2558 / ฿15,000 / ฿25-30
ปี 2559 / ฿15,000 / ฿30-40
ปี 2560 / ฿15,000 / ฿30-40
ปี 2561 / ฿15,000 / ฿40-50
ปี 2562 / ฿15,000 / ฿40-50
ปี 2563 / ฿ 5,000 / ฿40-50
ปี 2564 / ฿15,000 / ฿40-50
ปี 2565 / ฿15,000 / ฿50-60
ในรอบ 10ปี เงินเดือนเพิ่มขึ้น 15.38% เฉลี่ย 1.44% ต่อปี ในขณะที่ราคาอาหารตามสั่งเพิ่มขึ้น 100% เฉลี่ย 7.18% ต่อปี
สรุป
เพราะฉะนั้นการดู M2 จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะ ปลายทางของเงินที่ถูกพิมพ์ จะไหลไปที่ธุรกิจที่ผู้บริโภคใช้จ่าย จากนั้นก็จะไหลไปที่พนักงาน และ เจ้าของ ผู้ถือหุ้น และส่วนหนึ่งจะถูกไปบริโภคซ้ำอีกรอบ อีกส่วน อาจลงทุนขยายกิจการต่อ หรือ หาที่เก็บเพื่อรักษามูลค่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมค่าของเงิน
ผลที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้คนที่ถือเงินสดมีมูลค่าทางเศรษฐกิจลดลง นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามการลงทุนโดยขาดความรู้นั้นเสี่ยงยิ่งกว่า โปรดศึกษาแหล่งเก็บเงินที่เหมาะสมของตน และ บริหารความเสี่ยงให้ดี