On-Chain คืออะไร?

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฮาเวิร์ด ลุคนิก (Howard Lutnick) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้พูดถึงแนวคิดนำข้อมูลเศรษฐกิจอย่าง GDP มาจัดเก็บบน บล็อกเชน (On-Chain) เพื่อให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยทั่วไป On-Chain ในโลกคริปโตหมายถึงกิจกรรมหรือธุรกรรมที่เกิดขึ้น โดยตรงบนบล็อกเชน ซึ่งเปรียบเหมือนสมุดบัญชีแบบกระจายศูนย์ ข้อมูลทุกอย่างถูกบันทึก ถาวร โปร่งใส และไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ เพราะความกระจายศูนย์ อีกทั้งระบบยังทำงานต่อเนื่องไม่มีวันหยุดพักเสาร์อาทิตย์
การใช้ประโยชน์บน On-Chain
ธุรกรรมแบบ On-Chain
หนึ่งในหน้าที่หลักของบล็อกเชนคือช่วยให้ผู้คนทำธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer โดยไม่ต้องพึ่งตัวกลางอย่างธนาคารหรือบุคคลที่สาม
ธุรกรรม On-Chain คือการโอนสกุลเงินดิจิทัลระหว่างผู้เข้าร่วมโดยตรง ไม่ว่าปลายทางจะอยู่ที่ใดบนโลกก็สามารถโอนถึงได้ในเวลาอันสั้น ข้อมูลทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกบนบล็อกเชนอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และปลอดภัย เนื่องจากต้องผ่านการยืนยันจากทั้งเครือข่าย ด้วยกลไกฉันทามติ เช่น Proof of Work (PoW) หรือ Proof of Stake (PoS) ฯลฯ
สมาร์ทคอนแทรกต์และการทำงานแบบ On-Chain
สมาร์ทคอนแทรกต์คือ สัญญาอัจฉริยะที่ทำงานเองได้ โดยเงื่อนไขต่าง ๆ ถูกเขียนเป็น code โปรแกรมสามารถทำงานอัตโนมัติและบังคับใช้กติกา ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีตัวกลาง
การทำงานแบบ On-Chain หมายถึง code ที่รันบนบล็อกเชนโดยตรง ทำให้ทุกการดำเนินการ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ปลอดภัย และไม่สามารถแก้ไขย้อนหลัง ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกโกง ตราบใดที่เครือข่ายกระจายศูนย์เพียงพอและ code ดไม่มีอะไรผิดพลาด
การ Tokenization บนบล็อกเชน
แนวคิดของ Tokenization คือการแปลงทรัพย์สินจริง (Real-World Assets: RWA) หรือสิทธิ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบ โทเคนบนบล็อกเชน โทเคนเหล่านี้สามารถแทนมูลค่าหรือสิทธิ์ได้หลายประเภท ตั้งแต่ อสังหาริมทรัพย์ ผลงานศิลปะ ไปจนถึงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของใน dApp
การโทเคไนซ์แบบ On-Chain ทำให้การถือครองและการโอนสิทธิ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และปลอดภัย ลดความเสี่ยงการปลอมแปลง และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการทำธุรกรรม
การเก็บข้อมูลบนบล็อกเชน
บางบล็อกเชน เช่น ICP หรือ Avalanche ฯลฯ ที่เด่นเรื่อง data distribution สามารถเก็บข้อมูลประเภทต่าง ๆ นอกเหนือจาก Smart Contract และธุรกรรม ได้โดยตรง เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจ รายงาน ข้อมูลส่วนบุคคล หรือทรัพย์สิน ทำให้การเข้าถึงข้อมูล โปร่งใสแทรกแทรงไม่ได้ ปลอดภัย และทันที
การเก็บข้อมูลแบบ On-Chain ยังช่วยให้ระบบทำงานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ลดความเสี่ยงการปลอมแปลง และเมื่อนำไปใช้กับข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น GDP หรือสถิติสำคัญอื่น ๆ จะช่วยให้หน่วยงานรัฐและประชาชนเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ตลอดเวลา อีกทั้งลดความล่าช้าในการเผยแพร่
นอกจากนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในอีกหลายๆด้าน เช่น DeFi ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงเครื่องมือการเงินแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้, Supply Chain ที่ติดตามเส้นทางสินค้าอย่างชัดเจน, การยืนยันตัวตนดิจิทัลที่ปลอดภัย, รวมถึงการระดมทุนไร้พรมแดนที่เข้าถึงได้ทั่วโลก ฯลฯ
ความแตกต่างระหว่าง On-Chain และ Off-Chain
กิจกรรมแบบ On-Chain จะเกิดขึ้นโดยตรงบนบล็อกเชน ส่วน Off-Chain หมายถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้น นอกบล็อกเชน
1. ความเร็วและความสามารถในการขยาย
On-Chain: ทุกธุรกรรมต้องได้รับการตรวจสอบโดยเครือข่ายทั้งหมด จึงอาจทำให้ธุรกรรมช้าลง และมีข้อจำกัดเรื่องการขยายตัว
Off-Chain: สามารถประมวลผลบางกิจกรรมภายนอกบล็อกเชนหลัก ทำให้ธุรกรรมรวดเร็วขึ้น และรองรับปริมาณมากได้ง่ายกว่า
2. ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม
On-Chain: ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเครือข่าย (Network Fees) ตามทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรม
Off-Chain: ลดภาระบนบล็อกเชนหลัก ทำให้ค่าธรรมเนียมต่ำลง และประหยัดต้นทุนได้
3. ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
On-Chain: โปร่งใส และ ได้รับความปลอดภัยและความถาวรของบล็อกเชน ข้อมูลไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้
Off-Chain: ไม่ได้รับความปลอดภัยแบบกระจายศูนย์เหมือน On-Chain แต่มีรูปแบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวต่างออกไป ขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรมของระบบที่ใช้งาน
4. การเก็บข้อมูล
On-Chain: ข้อมูลถูกบันทึกบนบล็อกเชนทุกโหนด ทำให้ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และถาวร เรียกใช้ได้ตลอดไม่มีความเสี่ยงระหว่างอยู่นอกเชน แต่ใช้พื้นที่มาก
Off-Chain: ข้อมูลหลักเก็บนอกบล็อกเชน ความปลอดภัยทั่วไป แต่เร็วเก็บได้เยอะ หลายๆแอปหลายๆเชนใช้วิธีนี้ การเข้ารหัสข้อมูลต้นทาง และส่งเฉพาะธุรกรรมหรือสรุปข้อมูลขึ้น On-Chain ผ่าน Smart Contract (Hybrid)
สรุป
On-Chain และ Off-Chain มีข้อดีข้อเสียต่างกัน On-Chain เหมาะกับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงและเรียลไทม์ แต่ใช้พื้นที่มาก ส่วน Off-Chain พึ่งความเชื่อใจและคนจัดการ ทำงาน 24/7 ไม่ได้ แต่กินพื้นที่น้อยและรองรับแอปซับซ้อนกว่า
แนวคิดของ ฮาเวิร์ด ลุคนิก จึงน่าสนใจ เหมาะสำหรับให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลโปร่งใสและทันที ปัจจุบันมีแนวทาง จัดการข้อมูลหลายรูปแบบให้สามารถเก็บได้แบบมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ Hybrid ระหว่าง On-Chain กับ Off-Chain, ทำเป็น Hash หรือ Smart Contract, ลดขนาดข้อมูล หรือใช้ Subnet กระจายศูนย์ ทำให้บาง Plotocol สามารถทำ Fully-On-Chain ได้โดยเบาขึ้นความปลอดภัยไม่ลด ซึ่งวิธีต่างๆกำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง