Treehouse (TREE) คืออะไร?
โลกของ DeFi เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเองได้หลายรูปแบบ แต่ปัญหาสำคัญคือ รายได้ที่ "คงที่และเชื่อถือได้" หายากมาก ตัวอย่างเช่น การปล่อยกู้ ETH บนแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น Aave, Compound หรือ Lido อัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างกันขึ้นลงตามความต้องการกู้และปริมาณเงินฝากในระบบ (Demand/Supply) แต่ ไม่มีมาตรฐานกลาง ที่ช่วยให้ผู้ใช้เปรียบเทียบหรือตัดสินใจได้ง่าย ความไม่สม่ำเสมอนี้ทำให้ การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องยาก และ การวางแผนกลยุทธ์สร้างรายได้ระยะยาวทำได้ไม่เต็มที่
Treehouse จึงตั้งเป้าที่จะสร้าง ชั้นผลิตภัณฑ์รายได้คงที่ (Fixed Income Layer) สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเริ่มจากเครือข่าย Ethereum มีเป้าหมายคือ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายได้ที่ “เสถียรและคาดการณ์ได้” มากขึ้น และ เปิดทางให้เกิดผลิตภัณฑ์แบบ “รายได้คงที่” ในโลกคริปโต คล้ายกับตลาดพันธบัตรใน TradFi
Fixed Income หรือ “รายได้คงที่” หมายถึง การลงทุนที่ให้ผลตอบแทน สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ยกตัวอย่างเช่น ปล่อยกู้เงิน $1,000 และได้รับดอกเบี้ยปีละ $50 ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี ด้วยความที่รายได้ไม่ผันผวนมาก Fixed Income จึงถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงกว่า และเหมาะสำหรับการ วางแผนการเงินระยะยาว กับการบริหารความเสี่ยง
Treehouse คืออะไร?
Treehouse คือโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Protocol) ที่ออกแบบมาเพื่อนำผลิตภัณฑ์ประเภท “รายได้คงที่” (Fixed Income Products) มาสู่โลกคริปโต โดยใช้สององค์ประกอบหลักคือ
1. tAssets โทเคนที่สร้างรายได้ เช่น tETH ซึ่งใช้กลยุทธ์อาร์บิทราจอัจฉริยะ (Smart Arbitrage Strategies) เพื่อช่วยปรับอัตราดอกเบี้ยให้สมดุลในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงต่อเนื่อง
2.Decentralized Offered Rate (DOR) อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแบบกระจายศูนย์บนบล็อกเชน หรือ “อัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน” ที่สร้างขึ้นผ่านกระบวนการฉันทามติ (Consensus) และใช้เป็นพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนแบบคงที่ (Fixed Yield Products)
tETH คืออะไร?
tETH คือโทเคนที่ผู้ใช้งานจะได้รับเมื่อฝาก Ether (ETH) หรือโทเคนการ stake แบบสภาพคล่อง (Liquid Staking Tokens) เช่น stETH เข้า Treehouse
มันไม่ได้เป็นแค่ “ตัวแทนสินทรัพย์” เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ ค้นหาโอกาสสร้างผลตอบแทนอัตโนมัติในระบบนิเวศ Ethereum โดยใช้กลยุทธ์อาร์บิทราจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ถือ
ยกตัวอย่างเช่น หากผลตอบแทนจากการ stake ETH สูงกว่าต้นทุนการกู้บนแพลตฟอร์ม lending Treehouse จะใช้ส่วนต่างตรงนี้สร้างกำไร และแบ่งรายได้กลับมาให้ผู้ถือ tETH พูดง่าย ๆ ก็คือ แทนที่จะต้องย้าย ETH ไปมาเองระหว่างแพลตฟอร์มเพื่อหา yield ที่ดีที่สุดด้วยตนเอง tETH จะทำงานนี้แทนให้โดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ผู้ถือ tETH ยังได้รับ แต้มสะสม (Points) ผ่านโปรแกรมรางวัลของ Treehouse ซึ่งจะมอบแรงจูงใจพิเศษให้กับผู้ใช้งานระยะแรก
DOR (Decentralized Offered Rates) คืออะไร?
DOR คือ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแบบกระจายศูนย์บนบล็อกเชน เทียบได้กับอัตราอย่าง SOFR (Secured Overnight Financing Rate) ในโลก TradFi พูดง่าย ๆ DOR ตอบคำถามว่า “อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ยุติธรรมและน่าเชื่อถือสำหรับการปล่อยกู้ ETH คือเท่าไร?”
แทนที่จะพึ่งแหล่งข้อมูลเดียว หรือคาดเดาเอง DOR จะถูกสร้างผ่าน กระบวนการรวมข้อมูลจากชุมชน (Community-driven consensus) โดยมีผู้มีส่วนร่วมหลายฝ่ายเพื่อให้ข้อมูลโปร่งใสและแม่นยำ
ผู้มีบทบาทในระบบนิเวศ DOR ได้แก่
Operators:
ผู้ประสานงานระบบ เช่น Treehouse ซึ่งทำหน้าที่เป็น Operator รายแรก รับผิดชอบเปิดตัวและดูแลข้อมูลอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานPanelists:
หน่วยงานผู้เชี่ยวชาญ เช่น Market Maker หรือแพลตฟอร์ม staking ที่ให้ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยหรือประมาณการ ผ่านเครื่องมือของ TreehouseDelegators:
ผู้ใช้งานทั่วไปที่มอบหมาย tAssets ของตนให้กับ Panelists โดยยังคงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินไว้ เหมือนระบบการมอบสิทธิ์ใน stakingReferencers:
แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่นโปรโตคอล DeFi, กระดานแลกเปลี่ยน, หรือแอปปล่อยกู้ ที่ใช้อัตรา DOR เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับกำหนดราคาหรือผลิตภัณฑ์ของตน
TESR Curve คืออะไร?
TESR (Treehouse Ethereum Staking Rate) คือ DOR ตัวแรก ของ Treehouse ที่ออกแบบมาให้เป็น เส้นอัตราผลตอบแทนมาตรฐาน (Benchmark Yield Curve) สำหรับผลิตภัณฑ์รายได้คงที่ (Fixed Income) บน Ethereum
เปรียบได้กับการที่โลกการเงินดั้งเดิมใช้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasury Yields) เป็นฐานอ้างอิง TESR Curve ก็ทำหน้าที่เดียวกัน แต่ในโลก DeFi โดยอ้างอิงจาก ผลตอบแทนของการ stake Ethereum
แล้วทำไมต้องใช้ Ethereum Staking
Treehouse มองว่า Ethereum staking คือ “อัตราพื้นฐาน” (Base Rate) ที่เหมาะสมที่สุด เพราะว่าฝังอยู่ในระดับโปรโตคอล (Protocol-level), ช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย Ethereum
และ ให้ผลตอบแทนที่เสถียรและคาดการณ์ได้
เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ อย่าง Bitcoin mining การปล่อยกู้ stablecoin Treehouse มองว่า staking Ethereum กระจายอำนาจมากกว่า และ เสถียรกว่า จึงเหมาะเป็นจุดเริ่มต้นของการนิยาม "อัตราอ้างอิง" ที่เหมาะสมสำหรับโลกคริปโต
Use Cases ของ TESR Curve
Interest Rate Swaps (IRS):
ข้อตกลงแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่กับแบบลอยตัว ช่วยบริหารความเสี่ยงเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงOn-chain Treasury Products:
ผลิตภัณฑ์พันธบัตรบนบล็อกเชน คล้ายกับพันธบัตรรัฐบาล เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนมั่นคงYield Curves:
การมีเส้นอัตราผลตอบแทนที่ชัดเจนในหลายช่วงเวลา ช่วยให้โปรโตคอลตั้งราคาสินเชื่อ ออมทรัพย์ และผลิตภัณฑ์รายได้คงที่ได้แม่นยำการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น:
การใช้ TESR เป็นอ้างอิงช่วยให้ผู้กู้และผู้ให้กู้บริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นเข้าถึงกลุ่มสถาบันและการเงินดั้งเดิม:
ทำให้ผลิตภัณฑ์ DeFi เป็นที่น่าสนใจและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับนักลงทุนสถาบันและตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
ความเสี่ยงของ tETH
Treehouse ได้ชี้ให้เห็นความเสี่ยงสำคัญบางประการที่ควรระวังเมื่อใช้ tETH เนื่องจากโทเคนนี้มีการเชื่อมโยงไม่ว่าจะเป็นบริการ liquid staking หรือแพลตฟอร์มการกู้ยืม หากแพลทฟอร์มเหล่านี้เป็นอะไรไปขณะที่ Tree House ใช้งานอยู่ก็จะกระทบ
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการลดลงอย่างรวดเร็วของมูลค่าสินทรัพย์ที่ถูก stake ซึ่งเรียกว่า depeg ซึ่งอาจทำให้เกิดการบังคับขาย (liquidations) และนำไปสู่การขาดทุน และ ปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น บั๊กในสมาร์ตคอนแทรกต์ ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจาก blockchain oracles และการที่ lending pools มีผู้ใช้งานหนาแน่นเกินไป เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ต้นทุนการกู้ยืมจะสูงขึ้น และส่งผลให้ผลตอบแทนที่ได้รับจาก tETH ลดลง
Treehouse ช่วยปกป้องผู้ใช้งานอย่างไร
Treehouse ได้ติดตั้งมาตรการป้องกันหลายอย่าง รวมถึงแผนสำรองรับมือกับเหตุการณ์ depeg รุนแรง กองทุนประกันภัยเฉพาะกิจเพื่อชดเชยความสูญเสียที่ไม่คาดคิด และกลไก Protocol-Owned Peg Protection (PPP) ที่ซื้อคืน tETH ที่มีมูลค่าต่ำกว่าปกติในช่วงตลาดผันผวน มาตรการเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน พร้อมกับสนับสนุนรากฐานระยะยาวสำหรับผลิตภัณฑ์รายได้คงที่ในโลก DeFi
โทเคน TREE
โทเคน TREE คือโทเคนยูทิลิตี้หลักของโปรโตคอล Treehouse ซึ่งถูกใช้งานในหลายวัตถุประสงค์ เช่นจ่ายค่าข้อมูล DOR เมื่อถูกเรียกใช้ข้อมูล, การสเตกโดย Panelists เพื่อรักษาความถูกต้องของอัตราดอกเบี้ย DOR ผู้ส่งข้อมูล (Panelists), รับรางวัล โทเคน TREE จะถูกแจกจ่ายเป็นรางวัลให้กับ Panelists และ Delegators ตามความแม่นยำของข้อมูลที่ส่ง, การกำกับดูแล (Governance) การถือโทเคน TREE ทำให้ผู้ถือมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในประเด็นสำคัญของโปรโตคอล เช่น การปรับพารามิเตอร์ อัปเกรดระบบ หรือเปลี่ยนวิธีการแจกจ่ายรางวัล และ สนับสนุนนวัตกรรม ผ่านองค์กรอิสระแบบกระจายศูนย์ (DAO) ของ Treehouse เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนสำหรับความร่วมมือ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอล
การกระจายตัวของโทเคน TREE
Community Rewards 20%
Strategic Investors: 17.5%
Team: 12.5%
Treasury: 12.5%
Community Airdrop: 10%
Ecosystem Fund: 10%
Core Contributors: 5%
Exchange Partnerships: 3.75%
Future Airdrops 5.75%
Liquidity Provision 3%
อุปทานสูงสุด 1,000M TREE อุปทานปัจจุบัน 156.12M TREE
สรุป
Treehouse กำลังแก้ไขปัญหาสำคัญในโลก DeFi ด้วยการวางรากฐานสำหรับผลิตภัณฑ์รายได้คงที่ในตลาดคริปโต ด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น tETH, TESR Curve และกลไก DOR Treehouse มุ่งหวังที่จะทำให้ผลตอบแทนมีความคาดการณ์ได้มากขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้งานเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้น และเปิดโอกาสในการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินขั้นสูงบนบล็อกเชน อย่างไรก็ตามอย่าลืมพิจารณาความเสี่ยงต่างๆด้วยนะครับ