Caldera (ERA) คืออะไร?

2025-07-29

โดนทั่วไปการสร้างแอปบน Ethereum บ่อยครั้งจะเจอปัญหาเมื่อเครือข่ายแออัด ทั้งเรื่องค่าธรรมเนียมที่สูงและความล่าช้า ทำให้มีการสร้าง L2 บน  Ethereum เกิดขึ้น และส่วนมากจะใช้ Rollups เพื่อช่วยลดภาระโดยการทำธุรกรรมนอกเชนหลัก แล้วค่อยม้วนธุรกรรมกลับไปตรวจสอบบนเชนหลักทีเดียว แต่ต่างโปรเจค ต่างคนต่างทำแข่งขันกันสูง ทำให้เกิดหลายระบบซึ่งแยกตัวจากกัน ส่งผลให้การย้ายข้อมูลหรือสินทรัพย์ข้ามเชนได้ยาก

Caldara จึงเข้ามาแก้ปัญหานี้โดยให้ผู้ใช้สร้าง Rollup สำหรับแอปของผู้ใช้ได้ภายในไม่กี่นาที พร้อมเชื่อมต่อกับเชนอื่นอัตโนมัติ ทำให้ได้ธุรกรรมที่เร็วขึ้น ค่าธรรมเนียมต่ำลง และประสบการณ์ที่ลื่นไหลทั้งสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนา



Caldera ทำงานอย่างไร?

1. เปิดตัว Rollup ด้วย Rollup Engine

นักพัฒนาสามารถเลือกตั้งค่าปรับแต่งตามความต้องการของแอป

  • Execution Layer :
    เลือกเทคโนโลยี Rollup ที่ต้องการ เช่น Arbitrum Nitro, Optimism Bedrock (แบบ Optimistic Rollup) หรือ zkSync ZK Stack, Polygon CDK (แบบ Zero-Knowledge Rollup)

  • Data Availability: 
    กำหนดว่าจะจัดเก็บข้อมูลธุรกรรมไว้ที่ไหน เช่น Ethereum, Celestia หรือ Avail

  • Customization:
    ปรับแต่งประสิทธิภาพ อัปเกรดซอฟต์แวร์ และเพิ่มทรัพยากรการประมวลผลตามต้องการ

2. เชื่อมต่อ Metalayer โดยอัตโนมัติ

เมื่อเปิดตัว Rollup แล้ว ระบบจะเชื่อมต่อเข้ากับ Metalayer ซึ่งมีฟีเจอร์หลักคือ

  • Intent-based Bridging:
    เช่น ถ้าผู้ใช้ต้องการโอน USDC ไปยัง Rollup อื่น ระบบจะหาวิธีที่เร็วและถูกที่สุดให้อัตโนมัติ โดยใช้พาร์ตเนอร์อย่าง Across, Eco, และ Hyperlane

  • การโอนเร็ว:
    ด้วย Hyperlane เป็นตัวกลางการสื่อสารระหว่างเชน การโอนและสื่อสารข้ามเชนเสร็จในไม่กี่วินาที

  • เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา:
    มี API, SDK และ UI สำเร็จรูปให้ใช้งาน ไม่ต้องเขียนโค้ดสำหรับเชื่อมข้ามเชนเอง

3. ขยายระบบตามความต้องการ

ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์ Caldera ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ

  • เปิด Rollup เพิ่ม:
    เช่น แอป DeFi อาจสร้าง Rollup แยกเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ หรือแพลตฟอร์มเกมอาจมี Rollup แยกตามแต่ละโลกในเกม

  • อัปเกรดโดยไม่สะดุด:
    สามารถเพิ่มฟีเจอร์หรือเปลี่ยนระบบ data availability ได้โดยไม่กระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้

  • เพิ่มพลังประมวลผล:
    หากมีเหตุการณ์ที่มีคนใช้งานหนาแน่น เช่น เปิดขาย NFT หรือกิจกรรมใหญ่ในเกม ก็สามารถเพิ่มทรัพยากรให้ระบบลื่นไหล

กรณีใช้งาน Caldera

Caldera กำลังขับเคลื่อนเครือข่าย Rollup มากกว่า 50 เครือข่าย ที่เปิดใช้งานจริงครอบคลุมหลายกรณีใช้งาน เช่น DeFi, เกม, แอปโซเชียล และ โปรโตคอลโครงสร้างพื้นฐาน

ตัวอย่าง Rollup ที่โดดเด่นซึ่งสร้างบน Caldera

  • Manta Pacific:
    Layer 2 แบบโมดูลาร์ที่เน้นแอปพลิเคชัน Zero-Knowledge (ZK)

  • ApeChain:
    Rollup สำหรับระบบนิเวศ ApeCoin รองรับธุรกรรม NFT และเกมอย่างรวดเร็วและต้นทุนต่ำ

  • Injective’s inEVM:
    Rollup ที่เพิ่มความเข้ากันได้กับ Ethereum Virtual Machine (EVM) ให้กับระบบ Injective



เหรียญ ERA ทำอะไรได้บ้าง

ERA Token คือโทเคนหลักของระบบ Caldera ใช้ใน 3 ด้านสำคัญ เช่น ใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียม (gas) สำหรับธุรกรรมและการเชื่อมต่อระหว่าง rollup ต่าง ๆ ใน Metalayer, ใช้รักษาความปลอดภัยของระบบโดยผู้ตรวจสอบเครือข่าย (validators) ต้องสเตก ERA เพื่อช่วยตรวจสอบธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยของระบบ และการการกำกับดูแลผู้ถือ ERA สามารถมีส่วนร่วมในการโหวต เสนอเปลี่ยนแปลงโปรโตคอล และเลือกตั้งคณะทำงาน โดยจะเน้นการตัดสินใจผ่านชุมชนในอนาคต

การกระจายตัวเหรียญ ERA

  • Early Backers & Investors : 32.1%

  • Community Treasury : 21%

  • Foundation : 14.9%

  • Core Team : 14.8%

  • R&D : 10.2%

  • Airdrop : 7.00%

อุปทานสูงสุด 1 พันล้าน ERA ปัจจุบันปลดมาแล้ว 185.66 ล้าน ERA




สรุป

Caldera คือแพลตฟอร์ม Rollup-as-a-Service (RaaS) ที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้าง Rollup เฉพาะสำหรับแอปของตนได้ง่ายเพียงไม่กี่คลิก ระบบของ Caldera มี 2 ส่วนหลักๆ คือ Rollup Engine สำหรับสร้างและจัดการ Rollup และ Metalayer สำหรับเชื่อมต่อ Rollup ต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อการสื่อสารข้ามเชนทุก Rollup ที่สร้างด้วย Caldera จะเชื่อมถึงกันโดยอัตโนมัติ สามารถ สื่อสาร แลกเปลี่ยนสภาพคล่อง และโอนสินทรัพย์ระหว่างกันได้อย่างราบรื่น