Spark (SPK) คืออะไร?

2025-06-24

Spark คือแพลตฟอร์มจัดสรรเงินทุนแบบ on-chain ที่นำสภาพคล่องจาก stablecoin ไปลงทุนใน DeFi, CeFi และสินทรัพย์โลกจริง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและสม่ำเสมอ และทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีขนาดใหญ่และเชื่อถือได้ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ใช่คู่แข่งของโปรโตคอล DeFi อื่น ๆ แต่เป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลังและจัดสรรสมดุลรวมสภาพคล่องระหว่างกัน.

Ecosystem

แพลตฟอร์ม Spark ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักได้แก่

1. SparkLend

SparkLend คือโปรโตคอลปล่อยกู้สเตเบิลคอยน์แบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่ได้รับสภาพคล่องโดยตรงจาก Sky (ชื่อใหม่ของ MakerDAO) ซึ่งออกเหรียญ USDS สเตเบิลคอยน์ที่ตรึงค่ากับดอลลาร์สหรัฐ พัฒนาต่อจาก DAI

  • เป็นโปรโตคอลตลาดสภาพคล่องแบบกระจายอำนาจและไม่มีผู้ดูแล (decentralized, non-custodial) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมเป็นผู้ให้กู้ (lenders) หรือผู้กู้ (borrowers)

  • ผู้ใช้งานสามารถกู้ยืม USDS ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนและมั่นคง โดยไม่เปลี่ยนแปลงตามขนาดหรือการใช้งานของเงินกู้

  • ผู้ใช้งานสามารถถือ sUSDS ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่สร้างผลตอบแทนของ USDS โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยจาก Sky Savings Rate

2. Spark Savings

Spark เปิดให้ผู้ใช้งานฝากสเตเบิลคอยน์เข้า Savings Vaults และได้รับ Savings Tokens ซึ่งแทนสัดส่วนของเงินฝาก โดยโทเคนเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากดอกเบี้ยที่สะสมบนสินทรัพย์พื้นฐาน

  • Vaults หลักจะรองรับ USDS, USDC และ DAI โดยนำไปลงทุนใน Sky Savings Rate (SSR) หรือ DAI Savings Rate (DSR) เพื่อสร้างผลตอบแทน

  • เมื่อฝากเงิน ผู้ใช้จะได้รับ Savings Tokens เช่น sUSDS สำหรับ USDS หรือ sUSDC สำหรับ USDC ซึ่งมูลค่าจะเพิ่มขึ้นตาม Sky Savings Rate (SSR)

  • โทเคนเหล่านี้สามารถใช้งานร่วมกับโปรโตคอล DeFi อื่น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมขณะใช้ทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

3. Spark Liquidity Layer (SLL)

SLL คือระบบจัดสรรสภาพคล่องข้ามเชน ที่รวมเงินทุนจากหลายแหล่ง รวมถึงสเตเบิลคอยน์มากกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ ที่บริหารโดยโปรโตคอล Sky

  • SLL จะกระจายเงินทุนอัตโนมัติไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Aave, Maple, Ethena, Curve และบริการ RWA แบบโทเคน เช่น BlackRock’s BUIDL และ Centrifuge

  • รองรับการทำงานบนหลายเครือข่าย Layer-2 และเครือข่ายที่เข้ากันได้กับ Ethereum เช่น Ethereum mainnet, Base, Arbitrum, Optimism และ Unichain

  • จุดมุ่งหมายคือการใช้เงินทุนให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด และลดความเสี่ยงจากการกระจายของสภาพคล่อง

SLL ทำหน้าที่ทั้งเป็นโครงสร้างพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ โดยไม่เพียงจัดสรรเงินทุน แต่ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์อื่นของ Spark และเชื่อมต่อกับโปรโตคอลภายนอกเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมอีกด้วย

Utility

SPK คือโทเคนยูทิลิตี้ประจำแพลตฟอร์ม Spark ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายระยะยาวของโปรเจกต์ ได้แก่ ความเป็นกระจายศูนย์ (decentralization), ความยั่งยืน (sustainability), และการสร้างแรงจูงใจร่วมระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholder alignment)

ผู้ถือโทเคน SPK สามารถเข้าร่วมลงคะแนนในกระบวนการตัดสินใจของเครือข่าย โดยในช่วงเริ่มต้นจะใช้ระบบ Snapshot Voting เป็นหลัก

อีกทั้งสามารถนำโทเคนไป stake เพื่อรับรางวัลในรูปแบบ Spark Points ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ โดยเฉพาะการป้องกัน token bridge ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Spark Liquidity Layer
เมื่อ stake แล้ว โทเคน SPK จะถูกแปลงเป็น stSPK ซึ่งผู้ใช้ต้องถือไว้หากต้องการถอนคืน SPK ที่ stake ไว้

นอกจากนี้ การ stake ยังอาจมีบทบาทเพิ่มเติมในอนาคต เช่น การรักษาความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ใน Spark ecosystem

Token Distribution

  • Sky Farming (Users) 65%

  • Ecosystem 23%

  • Team 12%

อุปทานสูงสุด 10 พันล้าน SPK ปัจจุบันปลดมาแล้ว 1.7 พันล้าน SPK

Conclution

Spark ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มปล่อยกู้หรือฝากเงินทั่วไป แต่คือ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบ on-chain ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาระบบเดิมในโลก DeFi  ทั้งเรื่อง สภาพคล่องที่กระจัดกระจาย, ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน, และ เงินทุนที่ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ