Lombard (BARD) คืออะไร?

2025-10-28

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Bitcoin คืออันดับ 1 ของตลาดคริปโต แต่น่าเสียดายที่ผู้ถือไม่สามารถทำให้มันงอกเงยได้

Lombard เป็น Protocol โครงสร้างพื้นฐานของ Bitcoin ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถทำ Liquid Staking ได้ผ่านโทเค็น LBTC พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ ข้ามเชน (Cross-chain Integration) และเปิดทางให้ผู้ใช้เข้าถึง กลยุทธ์สร้างผลตอบแทน (Yield Strategies) จากสินทรัพย์ Bitcoin ของตน

LBTC คืออะไร

LBTC คือโทเค็นที่ถูกแปลงมาจาก Bitcoin จริงแบบ 1:1 แต่แตกต่างจาก Wrapped Bitcoin (wBTC) ตรงที่ LBTC สามารถสร้างผลตอบแทนได้ (Yield-bearing) เมื่อผู้ใช้นำ BTC ไป Stake ผ่านระบบของ Lombard เหรียญนั้นจะถูกเชื่อมต่อกับ Babylon’s Bitcoin Staking Protocol เพื่อให้ได้รับรางวัลตามระยะเวลา ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าของ LBTC อย่างต่อเนื่อง

LBTC ยังสามารถใช้งานได้บนหลาย Blockchain  ทำให้ผู้ถือสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในโลก DeFi เช่น การปล่อยกู้ การกู้ยืม หรือการให้สภาพคล่อง โดยไม่ต้องแลกกับการสูญเสียการถือครอง Bitcoin แต่อย่างใด


Lombard ทำงานอย่างไร

การ Stake ผ่าน Babylon

Lombard ถูกสร้างขึ้นบน Babylon’s Bitcoin Staking Protocol ซึ่งเป็นระบบที่เปิดให้ผู้ถือ BTC สามารถ “มอบสิทธิ์การ Stake (Delegate)” ของตนเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายที่ใช้กลไก Proof of Stake (PoS) ได้ โดยไม่ต้องย้ายเหรียญออกจากเครือข่าย Bitcoin จริง

ผลลัพธ์คือ ผู้ถือสามารถ รับรางวัลจากการ Stake ได้ ขณะเดียวกัน BTC ก็ยังคงอยู่บนเชน (on-chain) อย่างปลอดภัย

เมื่อผู้ใช้ฝาก BTC เข้าในระบบของ Lombard เหรียญนั้นจะถูกนำไป Stake ผ่าน Protocol ของ Babylon เพื่อสร้างผลตอบแทนในรูปของโทเค็นต่าง ๆ จากนั้นรางวัลเหล่านี้จะถูกขายในตลาดที่มีสภาพคล่องและแปลงกลับเป็น BTC เพื่อนำไปเพิ่มใน คลังสำรอง (Reserves) ของระบบ

เมื่อเวลาผ่านไป คลังสำรองอาจถือครอง BTC มากกว่า LBTC ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ โปรโตคอลจึงมีการปรับ อัตราส่วนคลังสำรอง (Reserve Ratio) เป็นระยะ เพื่อให้กระบวนการ การออกเหรียญ (Mint) และ การไถ่ถอน (Redeem) ของ LBTC มีความสมดุลและยังคงค้ำประกันด้วย Bitcoin จริง 100%

กลไกนี้ทำให้ LBTC ไม่เพียงแต่ได้รับการหนุนหลังด้วย BTC อย่างเต็มจำนวน แต่ยังสามารถสะสมมูลค่าเพิ่มจาก ผลตอบแทนของการ Stake ได้ในเวลาเดียวกัน สร้างจุดสมดุลระหว่าง ความปลอดภัยของ Bitcoin และ ศักยภาพการสร้างรายได้แบบ DeFi

Lombard Security Consortium คืออะไร

Lombard Security Consortium คือกลุ่มสมาชิกอิสระ (Independent Members) ที่ทำหน้าที่ช่วยตรวจสอบและยืนยันการดำเนินงานหลักของเครือข่าย Lombard ทั้งหมด กลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลกระบวนการต่าง ๆ เช่น การฝาก (Deposits), การไถ่ถอน (Redemptions) และ การ Stake และการจัดการรางวัล

นอกจากนี้ Consortium ยังเป็นผู้ดูแล Lombard Ledger ซึ่งเป็น Blockchain เฉพาะกิจของ Lombard ที่ใช้บันทึกธุรกรรมทั้งหมด รวมถึงการตัดสินใจด้านการกำกับดูแล (Governance Decisions)

Lombard Ledger ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลที่ ตรวจสอบได้ (Verifiable) และ ตรวจสอบย้อนกลับได้ (Auditable) ซึ่งช่วยให้ทุกการดำเนินงานภายในโปรโตคอลมีความโปร่งใส การตัดสินใจใด ๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากหลายฝ่าย จึงช่วยลดการพึ่งพาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการ LBTC

ขั้นตอนการ Stake กับ Lombard

  1. Deposit BTC (ฝาก Bitcoin):
    ผู้ใช้ส่ง BTC ไปยัง ที่อยู่เฉพาะ (Unique Address) ที่สร้างโดยระบบ Lombard พร้อมเลือกBlockchain ปลายทางที่ต้องการรับ LBTC

  2. Mint LBTC (ออกเหรียญ LBTC):
    เมื่อการฝากได้รับการยืนยัน โปรโตคอลจะออกเหรียญ LBTC บน Blockchain ที่เลือกไว้ โดย LBTC จะแทนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ Bitcoin ที่ถูก Stake และยังสามารถนำไปใช้ใน DeFi ได้

  3. Generate Rewards (สร้างรางวัล):
    BTC ที่ฝากไว้จะถูกนำไป Stake ผ่าน Babylon’s Bitcoin Staking Protocol เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย Proof of Stake อื่น ๆ และสร้างรางวัลในรูปของโทเค็นต่าง ๆ

  4. Convert Rewards (แปลงรางวัล):
    Protocol จะขายรางวัลเหล่านั้นในตลาดที่มีสภาพคล่อง และแปลงกลับเป็น BTC เพื่อเพิ่มเข้าไปในคลังสำรองของระบบ

  5. Redeem BTC (ไถ่ถอน BTC):
    เมื่อต้องการ Unstake ผู้ใช้จะต้อง Burn เหรียญ LBTC ของตน หลังจากครบระยะเวลาการถอน (Withdrawal Period) ระบบจะคืน BTC ให้ตาม อัตราส่วนคลังสำรอง (Reserve Ratio) ปัจจุบัน

Features เด่น

DeFi Marketplace

ศูนย์รวมโอกาสลงทุนจาก Bitcoin บนหลาย Blockchain เช่น การปล่อยกู้ กู้ยืม ให้สภาพคล่อง และ Vault ผลตอบแทนต่าง ๆ ทั้งหมดอยู่ใน Dashboard เดียว สามารถกรองตามเชน Protocol หรือระดับความเสี่ยงได้ โดยทุกกลยุทธ์ผ่านการตรวจสอบร่วมกับพันธมิตร DeFi

Vault Strategies

ระบบ Vault ของ Lombard ช่วยนำ LBTC ไปวางในกลยุทธ์ DeFi ต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ เช่น การให้สภาพคล่อง ปล่อยกู้ หรือ Yield Farming โดยทีม Lombard จะบริหาร ปรับสมดุล และทบผลตอบแทนตามสภาวะตลาด

Vault มีหลายประเภทให้เลือก ทั้งแบบเน้นความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนยั่งยืน หรือแบบเน้นผลตอบแทนสูงจากโปรโตคอลใหม่ ช่วยให้ผู้ถือ LBTC สร้างรายได้แบบหลากหลาย โดยไม่ต้องบริหารเอง

ความเสี่ยง

ก่อนใช้งาน Lombard ควรเข้าใจความเสี่ยงหลัก ได้แก่ Slashing Risk หาก Validator ทำงานผิดพลาด BTC ที่ Stake อาจถูกตัดลดได้, Unstaking Period ระยะเวลาถอนเหรียญ 9 วันอาจเจอความผันผวนของราคา, Depeg Risk มูลค่า LBTC อาจคลาดเคลื่อนจาก BTC ที่ค้ำไว้, และ Vault Risk ซึ่งผลตอบแทนขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของโปรโตคอล DeFi หากมีปัญหาอาจขาดทุนหรือได้ผลตอบแทนน้อยลง

โทเค็น BARD


BARD คือโทเค็นหลักของ  Lombard ใช้ภายในระบบนิเวศ เช่น ผู้ถือ BARD มีสิทธิ์โหวตนโยบายค่าธรรมเนียม, การพัฒนาผลิตภัณฑ์, ทุนสนับสนุนต่าง ๆ ภายใต้การดูแลของ Lombard’s Liquid Bitcoin Foundation และ ได้สิทธิ์เข้าถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนใคร พร้อมเงื่อนไขพิเศษ 

การ Stake BARD ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับสะพานข้ามเชนของ LBTC และเครือข่าย Lombard Ledger รวมถึง สามารถรับผลตอบแทนรางวัลจาก Protocol Partner โดยการ Unstake อาจใช้เวลาสูงสุด 21 วันเพื่อคงความเสถียรของระบบ


การกระจายตัวโทเค็น

  • Core Contributors: 35%

  • Early Investors: 25%

  • Early Investors: 20%

  • Liquid Bitcoin Foundation: 20%

อุปทานสูงสุด 1 พันล้าน BARD, อุปทานหมุนเวียน 225 ล้าน BARD

สรุป


Lombard มีเป้าหมายในการเปลี่ยนให้ Bitcoin จากสินทรัพย์ที่ถูกถือไว้เฉย ๆ กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทเชิงรุกในตลาดบน Blockchain ด้วย LBTC ผู้ถือสามารถรับผลตอบแทนผ่าน Babylon ได้โดยที่ยังคงสภาพคล่องและใช้งานได้ข้ามเชน อีกทั้งแพลตฟอร์มยังมี Vaults และ DeFi Marketplace ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงกลยุทธ์สร้างผลตอบแทนได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องบริหารจัดการด้วยตนเอง