Utility : จุดต่างระหว่าง Currency กับ หุ้น

2025-06-17

หลายคนอาจสงสัยว่า "เงินดิจิทัลที่ไม่มีตัวตน" อย่างคริปโตเคอร์เรนซี่จะมีค่าอะไร ต่างจากหุ้นที่เราถือเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัท มีสิทธิออกเสียง และรับปันผลจากกำไร

คำตอบอยู่ที่คำว่า Utility หรือ "ประโยชน์ใช้สอย" ของเหรียญคริปโต นี่คือสิ่งที่เราห้ามมองข้ามเวลาจะลงทุน เพราะเหรียญแต่ละเหรียญถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เช่น ใช้จ่ายค่าธรรมเนียม, โหวต, เข้าถึงบริการ หรือแม้กระทั่งใช้ในเกม และนำกำไรซื้อคืนเหรียญ

ตรงนี้เองที่ทำให้คริปโตต่างจากหุ้นอย่างชัดเจน 

  • หุ้นเน้นการสร้างกำไร ยิ่งบริษัททำกำไรได้มาก ราคาหุ้นยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้ถือหุ้นก็ได้ผลตอบแทนปันผลมากขึ้น เพียงแค่ถือไว้เฉยๆ

  • ส่วนคริปโตเน้นการสร้างเครือข่าย ยิ่งมีคนใช้งานในระบบมาก เหรียญก็ยิ่งมีมูลค่าในระบบสูงขึ้น ความต้องการใช้งาน ปริมาณการเพิ่มจำนวนเหรียญตามไม่ทัน ราคาต่อเหรียญก็จะสูงขึ้น

ยกตัวเหมือนระบบเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง ยิ่งมีคนใช้สกุลเงินนั้นในการทำธุรกรรม ยิ่งมีบริษัทมาเปิดกิจการในประเทศมาก ระบบเศรษฐกิจและค่าเงินก็ยิ่งแข็งแรง การเติบโตของประเทศนั้นยั่งยืนกว่าแค่การรีดภาษีในอัตราสูงจนคนย้ายออกนอกประเทศ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ

เหรียญที่สร้างบน SOL เช่น JUP  มีรายได้มากกว่า SOL หลายเท่า แต่ SOL กลับมีมูลค่าการตลาดมากกว่า JUP มหาศาล เพราะคนมีความต้องการใช้เหรียญ SOL มากกว่า JUP จากการที่ใช้ SOL เป็นสกุลเงินในการซื้อขายเหรียญ ใน Platform Jupiter และ Platform อื่นๆ รวมถึง Utinity อื่นๆด้วย ซึ่งนี่เป็นจุดที่แตกต่างจากหุ้น ในการวัดประเมิณคุณค่าในจุดที่แตกต่างกันระหว่าง

  • จับตาดูที่กำไรบริษัท (หุ้น)

  • จับตาดูที่ความต้องการ การใช้งาน (คริปโต)

นี่คือจุดที่ควรวัดประเมิน หากใครมาจากตลาดหุ้นซึ่งดูกำไรเป็นหลัก สามารถหาวิธีวัด performance ของเหรียญโดยจับตาดูที่ปริมาณความต้องการใช้เหรียญ และ factor ที่ทำให้คนถือเหรียญเยอะๆ ได้เลย

ตัวอย่าง Utility ในแบบปัจจุบันมีแบบไหนบ้าง

  • เป็นค่าธรรมเนียมเครือข่าย

  • ล็อคเพื่อรับรางวัล เพื่อปกป้องเครือข่าย (stake)

  • โหวตทิศทางชุมชน

  • นำกำไรซื้อเหรียญไปเผาทิ้ง

  • ใช้แลกเปลี่ยน ในเกม หรือ ในแอป

  • เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน

  • รางวัลจ่ายให้ ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเช่นผู้รันโหนด หรือ ผู้เก็บ data storage

  • เหรียญเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระดมทุนออกเหรียญใหม่

  • เป็นส่วนลด

     แต่ก็ไม่ใช่ว่ากำไรของ Dapp ไม่มีผล หากกำไรนั้นไปพัฒนาให้ธุรกิจเติบโต หรือนำไปเผาเพื่อลดจำนวนโทเค็นในระบบ หรือให้ผลตอบแทนแก่ผู้ที่ stake จากกำไรมากกว่า mint ก็ถือว่าเป็น Utility ที่ดีได้เหมือนกัน แถมสร้างง่ายกว่าเพราะมีเครื่องมือพร้อม และมีฐาน users ของเครือข่ายบางส่วนเพียงแต่เครือข่ายหลักที่ใช้ จะราคาเสถียร และมีมูลค่ามากกว่า แต่เหรียญโปรเจคเองก็มีมูลค่ามากขึ้นตาม Utinity และผลงานที่เกิดขึ้นเช่นกัน มันแตกต่างกันแค่ Dapp คือบริษัท เชนที่ใช้คือสกุลเงินของประเทศ Ecosystem เท่านั้นเอง

สรุป

สิ่งสำคัญคือเหรียญที่ดีต้องมี Utility ที่ดีการสังเกตแค่รายได้ของโปรเจค นั้นไม่เพียงพอในโลกคริปโตเพราะหัวใจหลักคือการให้ดูว่าเหรียญถูก “ใช้งาน” อย่างไร, มีคนต้องใช้มันหรือไม่?, คนอยาก “ถือ” มันทำไม?